โทโคฟีรอล ช่วยอะไร บำรุงผิว ลดริ้วรอยอย่างไร?

โทโคฟีรอล ช่วยอะไร

โทโคฟีรอล ช่วยอะไร คำถามนี้อาจเกิดขึ้นบ่อย ในกลุ่มคนที่สนใจเรื่องดูแลผิวพรรณ โทโคฟีรอลเป็นสารที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในวงการสกินแคร์ หลายคนอาจเคยเห็นชื่อโทโคฟีรอลบนฉลากผลิตภัณฑ์ต่างๆ แต่ยังไม่แน่ใจว่ามันมีประโยชน์อย่างไรต่อผิวพรรณ ลองมาทำความเข้าใจให้ลึกขึ้นไปพร้อมกัน

วิตามินโทโคฟีรอลคืออะไร?

โทโคฟีรอลเป็นสารประกอบในกลุ่มวิตามินอี ที่มีความสามารถในการละลายในไขมัน พบได้ในพืช และสัตว์ โดยมีบทบาทสำคัญในการปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ จากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ ยังช่วยลดการอักเสบ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น โทโคฟีรอลแบ่งออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่

  1. แอลฟาโทโคฟีรอล (Alpha-Tocopherol) เป็นรูปแบบที่พบมากที่สุดในอาหารเสริม และมีบทบาทสำคัญในร่างกาย เนื่องจากเป็นรูปแบบที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ดีที่สุด
  2. เบต้าโทโคฟีรอล (Beta-Tocopherol) มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นเดียวกับแอลฟาโทโคฟีรอล แต่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า
  3. แกมมาโทโคฟีรอล (Gamma-Tocopherol) พบได้มากในอาหารจากธรรมชาติ เช่นถั่ว และน้ำมันพืช มีบทบาทสำคัญ ในการลดการอักเสบในร่างกาย
  4. เดลต้าโทโคฟีรอล (Delta-Tocopherol) มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันการเกิดออกซิเดชัน ของไขมันในเซลล์

ทั้ง 4 ชนิดเป็นส่วนหนึ่งของวิตามินอี ที่มีบทบาทช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ และเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม [1]

แหล่งที่พบโทโคฟีรอลตามธรรมชาติ

โทโคฟีรอล ช่วยอะไร

โทโคฟีรอลพบได้ในอาหารจากธรรมชาติหลายชนิด ได้แก่

  • น้ำมันพืช เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว และน้ำมันดอกทานตะวัน
  • ถั่วและเมล็ดพืช เช่นอัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดฟักทอง และเมล็ดทานตะวัน
  • ผักใบเขียว เช่น ผักโขม คะน้า และบรอกโคลี
  • ผลไม้บางชนิด เช่นอะโวคาโด กีวี และมะม่วง
  • อาหารทะเล เช่นปลาแซลมอน และปลาทูน่า

โทโคฟีรอลกับสกินแคร์ลดริ้วรอย

  • โทโคฟีรอล ช่วยอะไร ช่วยลดเลือนริ้วรอย โทโคฟีรอลเป็นสารที่ช่วยปกป้องคอลลาเจนในผิวหนัง จากการถูกทำลายโดยรังสียูวี ทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้น ชะลอการเกิดริ้วรอย
  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว โทโคฟีรอลมีคุณสมบัติ เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่ดี ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำ ออกจากผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ และเรียบเนียนขึ้น
  • ลดการอักเสบ และรอยแดง วิตามินอีมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยลดรอยแดง และอาการระคายเคืองของผิว ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย จึงมักพบโทโคฟีรอลใน สกินแคร์ ผิวแพ้ง่าย
  • ฟื้นฟูผิวจากรอยแผลเป็น โทโคฟีรอลมีบทบาท ในการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย และช่วยให้รอยแผลเป็นจากสิวดูจางลง

ที่มา: Vitamin E for Skincare Benefits, Uses, Side Effects [2]

วิธีใช้โทโคฟีรอลในสกินแคร์

  • ใช้เป็นเซรั่ม หรือครีมบำรุงผิว เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีโทโคฟีรอลในรูปแบบเซรั่ม ครีม หรือมอยส์เจอไรเซอร์ ทาหลังจากล้างหน้า และใช้โทนเนอร์ โดยลงก่อนมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ดี
  • ใช้ผสมกับมอยส์เจอไรเซอร์ หากมีวิตามินอีในรูปแบบน้ำมัน สามารถหยด 1-2 หยดผสมกับมอยส์เจอไรเซอร์ก่อนทา เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
  • ใช้เป็นมาสก์หน้า นำแคปซูลวิตามินอีมาผสมกับน้ำผึ้ง หรือน้ำมันธรรมชาติ เช่นน้ำมันอาร์แกน แล้วพอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที ก่อนล้างออก
  • ใช้กับบริเวณที่แห้งเป็นพิเศษ ทาบริเวณที่แห้งกร้าน เช่นข้อศอก หัวเข่า หรือริมฝีปาก เพื่อช่วยลดความแห้งแตก ใช้เวลากลางคืน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด วิตามินอีมีความเข้มข้นสูง ควรใช้ก่อนนอนเพื่อให้ซึมเข้าสู่ผิวตลอดคืน
  • ใช้คู่กับวิตามินซี วิตามินอีทำงานได้ดี เมื่อใช้ร่วมกับวิตามินซี เพราะช่วยเสริมฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระและฟื้นฟูผิว
  • เลี่ยงการใช้มากเกินไป หากเป็นสิวง่าย ผู้ที่มีผิวมันหรือเป็นสิวง่าย ควรใช้ในปริมาณน้อย เพราะวิตามินอีอาจทำให้รูขุมขนอุดตัน และเกิดสิวได้

ผลข้างเคียงของโทโคฟีรอล

แม้ว่าโทโคฟีรอลจะมีประโยชน์ต่อผิว แต่ในบางกรณี อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ดังนี้

  • อาการแพ้หรือระคายเคือง: บางคนอาจมีอาการแพ้ เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีโทโคฟีรอล ทำให้เกิดอาการคัน แดง บวม หรือระคายเคืองผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
  • อุดตันรูขุมขน: วิตามินอีมีความเข้มข้นสูง และมีลักษณะเป็นน้ำมัน ซึ่งอาจทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน และอาจนำไปสู่การเกิดสิวอุดตัน หรือสิวอักเสบในบางคน โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมัน หรือเป็นสิวง่าย
  • ทำให้ผิวไวต่อการเกิดสิว: หากใช้โทโคฟีรอลในปริมาณที่มากเกินไป อาจกระตุ้นการอักเสบของผิว ทำให้เกิดสิวหัวขาว หรือสิวอักเสบได้
  • ทำให้ผลิตภัณฑ์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น: วิตามินอีสามารถเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจน ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินอี เสื่อมสภาพเร็วขึ้น หากไม่ได้เก็บรักษาอย่างเหมาะสม

ข้อควรระวังในการใช้โทโคฟีรอล

  • เลือกความเข้มข้นที่เหมาะสม: โทโคฟีรอลที่มีความเข้มข้นสูงเกินไป อาจทำให้เกิดการอุดตัน หรือระคายเคือง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีความเข้มข้นเหมาะสม (0.5-5%)
  • ทดสอบการแพ้ก่อนใช้: ควรทดสอบผลิตภัณฑ์บนผิวบริเวณเล็กๆ ก่อนใช้ทั่วใบหน้า โดยทาที่หลังใบหู หรือท้องแขนแล้วรอดูอาการ 24-48 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับส่วนผสม ที่ทำให้ผิวระคายเคือง: เช่น วิตามินซีที่มีความเข้มข้นสูง หรือกรดผลัดเซลล์ผิว (AHA, BHA) เพราะอาจทำให้ผิวไวต่อการระคายเคืองมากขึ้น
  • ไม่ควรใช้มากเกินไป: แม้โทโคฟีรอลจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอย แต่การใช้ในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้ผิวเหนอะหนะ และอุดตันรูขุมขน
  • เหมาะกับการใช้เวลากลางคืน: แม้วิตามินอีจะช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ แต่ในบางกรณีอาจทำให้ผิวไวต่อแสง ควรใช้เวลากลางคืน หรือตามด้วยครีมกันแดดในตอนเช้า

สรุปโทโคฟีรอล สกินแคร์ช่วยลดริ้วรอย

โทโคฟีรอลเป็นวิตามินอีที่มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพและความงาม โดยเฉพาะในด้านสกินแคร์ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย ให้ความชุ่มชื้น และปกป้องผิวจากมลภาวะ การใช้โทโคฟีรอลทั้งจากอาหารธรรมชาติ หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สามารถช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี และอ่อนเยาว์ขึ้นได้

ใครที่ควรระวังการใช้โทโคฟีรอล?

  • ผู้ที่มีผิวมันหรือเป็นสิวง่าย เพราะอาจเกิดการอุดตัน และกระตุ้นการเกิดสิว
  • ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือเคยมีอาการแพ้วิตามินอีมาก่อน
  • ผู้ที่ใช้ยาแต้มสิว หรือยากลุ่มเรตินอยด์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ร่วมกัน
  • หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ควรสอบถามแพทย์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีโทโคฟีรอลเข้มข้นสูง

วิตามินอีโดนแดดได้ไหม?

วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะ แสงแดด และความเครียด อย่างไรก็ตาม วิตามินอีสามารถเสื่อมสภาพได้เร็ว เมื่อถูกแสงแดด หรือออกซิเจน ดังนั้น เพื่อรักษาประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินอี ควรเก็บรักษาในที่เย็นและห่างจากแสงแดด [3]

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง