โทนเนอร์ มีไว้ทำอะไร เปิดทุกประโยชน์ที่ควรรู้

โทนเนอร์ มีไว้ทำอะไร

โทนเนอร์ มีไว้ทำอะไร หลายคนอาจมองว่าโทนเนอร์เป็นเพียงน้ำใสๆ ที่ช่วยเช็ดทำความสะอาดผิว ลดความมัน และขจัดสิ่งตกค้าง แต่แท้จริงแล้ว โทนเนอร์มีบทบาทมากกว่านั้น ไม่เพียงช่วยทำความสะอาด แต่ยังปรับสมดุลผิว เติมความชุ่มชื้น และเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง ในขั้นตอนต่อไป

ไม่ว่าจะมีผิวมัน ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย หรือปัญหาสิวและริ้วรอย การเลือกโทนเนอร์ที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญ วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจโทนเนอร์ในทุกแง่มุม ตั้งแต่ประเภท ส่วนผสมสำคัญ วิธีใช้ ไปจนถึงการเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน

โทนเนอร์ มีไว้ทำอะไร และประวัติ

โทนเนอร์ มีไว้ทำอะไร โทนเนอร์มีไว้เพื่อปรับสมดุลผิว หลังจากการล้างหน้า เพื่อช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนผิว และเตรียมผิว ให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป แหล่งที่มาของโทนเนอร์ สามารถย้อนไปถึงยุคโบราณ ที่มีการใช้น้ำสมุนไพร และน้ำดอกไม้ เช่นน้ำกุหลาบ และ น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล เพื่อบำรุงผิว

ต่อมาในศตวรรษที่ 20 อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ได้พัฒนาโทนเนอร์ในรูปแบบที่ทันสมัยมากขึ้น โดยมีส่วนผสมเฉพาะ สำหรับการบำรุงผิว ในลักษณะต่างๆ [1]

ประเภทของโทนเนอร์ ตามวัตถุประสงค์

โทนเนอร์สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ตามวัตถุประสงค์ และคุณสมบัติของส่วนผสมที่ใช้ ได้แก่

  • Hydrating-Toner (โทนเนอร์เพิ่มความชุ่มชื้น) เหมาะสำหรับผิวแห้ง และผิวแพ้ง่าย มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid), กลีเซอรีน (Glycerin) และสารให้ความชุ่มชื้นอื่นๆ ช่วยเติมน้ำให้ผิว ป้องกันการระคายเคือง และทำให้ผิวนุ่มขึ้น
  • Exfoliating-Toner (โทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิว) เหมาะสำหรับผิวมัน ผิวหมองคล้ำ และผู้ที่มีปัญหาสิว มีส่วนผสมของ AHA (เช่น กรดไกลโคลิก), BHA (เช่น กรดซาลิไซลิก) หรือ PHA ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ลดการอุดตันของรูขุมขน และทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
  • Balancing-Toner (โทนเนอร์ปรับสมดุลผิว) เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ มีส่วนผสมของน้ำกุหลาบ ว่านหางจระเข้ หรือสารสกัดจากชาเขียว ช่วยปรับสมดุลค่า pH ของผิว ลดการระคายเคือง และเตรียมผิวให้พร้อม สำหรับการบำรุง
  • Astringent-Toner (โทนเนอร์กระชับรูขุมขน) เหมาะสำหรับผิวมัน และผิวที่มีรูขุมขนกว้าง มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ วิตามินซี หรือสารสกัดจากผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน และทำให้ผิวรู้สึกสดชื่นขึ้น

ส่วนผสมสำคัญที่ควรมองหาในโทนเนอร์

การเลือกโทนเนอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว ขึ้นอยู่กับส่วนผสมหลัก ซึ่งมีผลต่อการทำงานของผลิตภัณฑ์ เช่น

  • Hyaluronic-Acid: เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  • Niacinamide: ลดรอยแดง ควบคุมความมัน และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น
  • Salicylic-Acid (BHA): ผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันของรูขุมขน และช่วยลดสิว
  • Glycolic-Acid (AHA): กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ให้ผิวกระจ่างใส
  • Chamomile Extract: ปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง
  • Tea Tree Oil: ลดการอักเสบของสิว และฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

เปรียบเทียบ โทนเนอร์ตัวไหนดีสุด?

โทนเนอร์ มีไว้ทำอะไร
  • Some By Mi AHA-BHA-PHA 30Days Miracle-Toner โทนเนอร์จากเกาหลี ที่ผสานสารสกัดจากทีทรี และกรดผลไม้ ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดสิว และกระชับรูขุมขน ปริมาณ 150 มล. ราคาประมาณ 590.-
  • Plantnery Tea Tree First-Toner โทนเนอร์ที่มีสารสกัดจากทีทรีออร์แกนิก ช่วยลดสิว ควบคุมความมัน และปรับสมดุลผิว ปริมาณ 250 มล. ราคาประมาณ 290.-
  • Pixi Glow Tonic 5% Glycolic Acid Exfoliating-Toner โทนเนอร์ที่มีกรดไกลโคลิก 5% ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวกระจ่างใส และเรียบเนียน ปริมาณ 100 มิลลิลิตร ราคา 490.-

การเลือกโทนเนอร์ที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัญหาผิวของแต่ละคน หากต้องการลดสิว และควบคุมความมัน Some By Mi และ Plantnery เป็นตัวเลือกที่ดี ส่วน Pixi Glow Tonic เหมาะกับการผลัดเซลล์ผิว 

ที่มา: 10 โทนเนอร์ยี่ห้อไหนดี [2]

 

โทนเนอร์เหมาะกับคนผิวแบบไหน?

โทนเนอร์เหมาะกับทุกสภาพผิว แต่ควรเลือกให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะ ของผิวแต่ละประเภท ดังนี้

  • ผิวแห้งควรเลือกโทนเนอร์ ที่ให้ความชุ่มชื้น เพื่อช่วยเติมน้ำให้ผิว และลดการแห้งตึง
  • ผิวมันควรเลือกโทนเนอร์ ที่ช่วยควบคุมความมัน และกระชับรูขุมขน
  • ผิวแพ้ง่ายควรเลือกโทนเนอร์ ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ และน้ำหอม มีสารปลอบประโลมผิว อาจใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์เพื่อผิวแพ้ง่ายอื่นๆเช่น เซรั่มให้ความชุ่มชื้น ผิวแพ้ง่าย และ เจลล้างหน้า ผิวแพ้ง่าย
  • ผิวเป็นสิวควรเลือกโทนเนอร์ ที่ช่วยลดการอักเสบ และป้องกันสิวอุดตัน

ที่มา: โทนเนอร์คืออะไร จำเป็นไหม เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับผิว [3]

 

ข้อควรระวังที่ควรรู้ ในการใช้โทนเนอร์

  • เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ควรเลือกโทนเนอร์ ที่เหมาะกับประเภทผิว เช่นผิวแห้งควรหลีกเลี่ยงโทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์สูง ผิวมันควรใช้โทนเนอร์ ที่ช่วยควบคุมความมัน
  • ระวังส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หลีกเลี่ยงโทนเนอร์ที่มี แอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน หรือสารกันเสียที่รุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
  • อย่าใช้บ่อยเกินไป แม้ว่าโทนเนอร์จะช่วยทำความสะอาด และปรับสมดุลผิว แต่การใช้บ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวแห้ง หรือเสียสมดุลได้ โดยเฉพาะโทนเนอร์ที่มี AHA/BHA
  • ใช้ให้ถูกวิธี แนะนำให้ใช้หลังล้างหน้า ไม่ควรถูแรงเกินไป อาจใช้สำลีหรือมือกดซับเบาๆ บนผิวหน้า
  • หากใช้โทนเนอร์ที่มี AHA/BHA ต้องทากันแดด เนื่องจากสารผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด ควรใช้ ครีมกันแดดทุกเช้า เพื่อป้องกันผิวหมองคล้ำ และการระคายเคือง
  • ทดสอบการแพ้ก่อนใช้ สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ควรทดสอบผลิตภัณฑ์ที่หลังใบหู หรือท้องแขนก่อนใช้จริง
  • ไม่ควรใช้ร่วมกับสกินแคร์บางประเภท โทนเนอร์ที่มีกรดผลัดเซลล์ ไม่ควรใช้ร่วมกับเรตินอล หรือวิตามินซี ที่เข้มข้นสูง เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง
  • หยุดใช้ทันทีหากมีอาการแพ้ หากใช้แล้วมี อาการคัน แดง หรือแสบผิว ควรหยุดใช้ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง

สรุป โทนเนอร์ ผลิตภัณฑ์ช่วยเตรียมผิว

โทนเนอร์ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญ ที่ช่วยเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง และเสริมประสิทธิภาพ ของสกินแคร์ตัวอื่นๆ การเลือกใช้โทนเนอร์ ให้เหมาะสมกับสภาพผิว และความต้องการเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ให้ผิวแข็งแรง สดใส และมีสุขภาพดีในระยะยาว

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโทนเนอร์

  • โทนเนอร์จำเป็นต้องใช้หรือไม่? ไม่จำเป็น แต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ให้กับสกินแคร์ตัวอื่นๆ
  • โทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์ดีหรือไม่? หากเป็นแอลกอฮอล์ที่อ่อนโยนเช่น Fatty Alcohol อาจช่วยเรื่องการดูดซึมของส่วนผสมได้ แต่แอลกอฮอล์ที่แรงเกินไป อาจทำให้ผิวแห้ง
  • สามารถใช้โทนเนอร์ร่วมกับเซรั่มได้หรือไม่? ใช้ได้ และยังช่วยให้เซรั่ม ซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
  • โทนเนอร์สามารถช่วยลดริ้วรอยได้หรือไม่? โทนเนอร์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยลดริ้วรอย ได้ในระยะยาว

วิธีการใช้โทนเนอร์ให้ได้ผลที่ดี

  • เช็ดด้วยสำลีหรือใช้มือกดเบาๆ โทนเนอร์บางชนิด สามารถใช้กับสำลี เพื่อเช็ดทำความสะอาดผิว หรือใช้มือตบเบาๆ เพื่อให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
  • ใช้หลังล้างหน้าเสมอ เป็นขั้นตอนแรก หลังจากทำความสะอาดผิว เพื่อช่วยปรับสมดุล และเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง
  • เลือกใช้ให้เหมาะสมกับช่วงเวลา โทนเนอร์ที่มี AHA และ BHA ควรใช้เฉพาะตอนกลางคืน และตามด้วยครีมกันแดดตอนเช้า
  • ไม่ควรใช้มากเกินไป การใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของกรดมากเกินไป อาจทำให้ผิวแห้ง หรือระคายเคืองได้
Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง