เซราไมด์ คืออะไร ไขมันสำคัญที่กักเก็บความชุ่มชื้น

เซราไมด์ คืออะไร

เซราไมด์ คืออะไร หากพูดถึงหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของผิว ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง และกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี คำว่า “เซราไมด์” คงเป็นสิ่งที่หลายคนเคยได้ยินกันมาบ้าง แต่ยังมีหลายคำถามเกี่ยวกับเซราไมด์ ที่ทำให้หลายคนสงสัยว่า แท้จริงแล้วเซราไมด์คืออะไร สำคัญต่อผิวอย่างไร มีประโยชน์ต่ออย่างไรบ้าง

บทความนี้จะพาไปรู้จักเซราไมด์ในทุกแง่มุม ทั้งในเรื่องของโครงสร้าง หน้าที่ ประเภท การใช้งานในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย

เซราไมด์ คืออะไร และทำหน้าที่อะไรในผิว?

เซราไมด์ คืออะไร

เซราไมด์ คืออะไร เซราไมด์เป็นไขมันที่อยู่ในหนังกำพร้า เป็นชั้นปกป้องผิวที่อยู่ด้านนอกสุดของผิวหนัง เซราไมด์เป็นส่วนประกอบสำคัญ ของลิพิดที่เรียงตัวกันเป็นชั้น เพื่อสร้างเกราะป้องกันผิว ทำหน้าที่ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิว และป้องกันสารก่อการระคายเคืองต่างๆ จากภายนอก มีบทบาทหลักๆ ดังนี้

  • เสริมเกราะป้องกันผิว: เซราไมด์ทำหน้าที่เป็น “กาวธรรมชาติ” ที่ช่วยยึดเซลล์ผิวเข้าด้วยกันเพื่อให้ผิวแข็งแรง
  • ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น: ลดการสูญเสียน้ำออกจากผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น และไม่แห้งกร้าน
  • ปกป้องผิวจากมลภาวะ และสารก่อภูมิแพ้: ลดการระคายเคือง และการอักเสบ จากปัจจัยภายนอก เช่นฝุ่น ควัน หรือสารเคมี
  • ช่วยฟื้นฟูผิวแพ้ง่าย: สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เซราไมด์ช่วยลดอาการระคายเคือง และเสริมสร้างเกราะป้องกันให้แข็งแรงขึ้น
  • ลดริ้วรอยก่อนวัย: เมื่อผิวมีความชุ่มชื้นเพียงพอ ก็จะช่วยลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย

ที่มา: รู้วิธีดูแลปัญหาผิวแห้งและเลือกใช้ครีมทาผิว อย่างถูกวิธี [1]

 

เซราไมด์อยู่ผิวชั้นไหน?

เซราไมด์เป็นไขมันชนิดหนึ่ง ที่พบในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) โดยเฉพาะในชั้นนอกสุด ที่เรียกว่า Stratum Corneum ซึ่งเป็นชั้นที่ทำหน้าที่ปกป้องผิว จากสิ่งแปลกปลอมภายนอก และรักษาความชุ่มชื้นของผิว

ในชั้น Stratum Corneum นี้เซราไมด์จะอยู่ระหว่างเซลล์ผิว (Corneocytes) ทำหน้าที่เสมือน “ปูน” ที่ยึด “อิฐ” หรือเซลล์ผิว ให้เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ การมีเซราไมด์ในปริมาณที่เพียงพอ ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรง และคงความชุ่มชื้น [2]

ประเภทของเซราไมด์ในร่างกาย

ในร่างกายมนุษย์มีเซราไมด์มากกว่า 9 ชนิด แต่ประเภทที่สำคัญ และพบได้บ่อย ได้แก่

  • เซราไมด์1 (Ceramide1, EOS) ทำหน้าที่เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ป้องกันการสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวแข็งแรง และทนทานต่อปัจจัยภายนอก
  • เซราไมด์2 (Ceramide2, NS) ช่วยรักษาสมดุลของน้ำ และไขมันในผิวหนัง ลดความแห้งกร้าน และช่วยให้ผิวยืดหยุ่นดีขึ้น
  • เซราไมด์3 (Ceramide3, NP) มีบทบาทในการลดริ้วรอย และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ช่วยให้ผิวเรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  • เซราไมด์6 (Ceramide6-II, AP) เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวเรียบเนียน และลดการสะสม ของเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ
  • เซราไมด์9 (Ceramide9, EOP) ทำหน้าที่ปกป้องผิว จากการสูญเสียความชุ่มชื้น และป้องกันผลกระทบจากมลภาวะ ช่วยให้ผิวแข็งแรง และสุขภาพดี

การมีเซราไมด์เพียงพอในชั้นผิว ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้น และลดปัญหาผิวแห้ง หรือแพ้ง่าย ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์ จึงเป็นวิธีสำคัญในการบำรุง และฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง

แหล่งที่มาของเซราไมด์ มาจากไหน?

  • แหล่งที่มาจากพืช (Phyto-Ceramides) เซราไมด์จากพืชสกัดจากธัญพืช เช่นข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต และรำข้าว รวมถึงน้ำมันธรรมชาติจากอะโวคาโด มะกอก และรำข้าว ซึ่งอุดมไปด้วยไขมันที่คล้ายคลึงกับเซราไมด์ในผิวมนุษย์ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น เสริมเกราะป้องกันผิว และลดการสูญเสียน้ำ เป็นชนิดที่ได้รับความนิยม
  • แหล่งที่มาจากสัตว์ (Bio-Ceramides) เซราไมด์จากสัตว์ เคยสกัดจากเนื้อเยื่อสมอง ของวัวหรือหมู ซึ่งมีโครงสร้างใกล้เคียงกับเซราไมด์ ที่พบในร่างกายมนุษย์ ทำให้สามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ดี อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการใช้เซราไมด์จากสัตว์ลดลงอย่างมาก เนื่องจากข้อกังวลด้านจริยธรรม ความปลอดภัย
  • แหล่งที่มาจากการสังเคราะห์ (Synthetic Ceramides) เซราไมด์สังเคราะห์ ถูกผลิตขึ้นในห้องแล็บ โดยใช้กระบวนการทางเคมีและชีวภาพ เพื่อเลียนแบบโครงสร้าง ของเซราไมด์ธรรมชาติ มีความบริสุทธิ์สูง ควบคุมคุณภาพได้ดี และมีเสถียรภาพมากกว่าชนิดอื่นๆ จึงถูกนำมาใช้ ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่างแพร่หลาย

เซราไมด์ช่วยอะไรผิวบ้าง?

  • กักเก็บความชุ่มชื้น ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นยาวนาน
  • เสริมเกราะป้องกันผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะ แบคทีเรีย และสารก่อการระคายเคือง
  • ลดปัญหาผิวแห้ง และแพ้ง่าย ช่วยบรรเทาอาการผิวแห้ง ลอกเป็นขุย และลดการระคายเคือง
  • ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น และเรียบเนียน ส่งเสริมโครงสร้างผิว ลดการสูญเสียไขมันที่จำเป็น ทำให้ผิวดูสุขภาพดี
  • ลดริ้วรอย และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก
  • เสริมประสิทธิภาพของสารให้ความชุ่มชื้นอื่นๆ ทำงานร่วมกับกรดไฮยาลูโรนิก และกลีเซอรีน เพื่อเพิ่มการบำรุงผิว
  • ช่วยให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น ทำให้ส่วนผสมสำคัญอื่นๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด และมลภาวะ ช่วยซ่อมแซมชั้นผิว และลดความเสียหายจากรังสี UV
  • เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย และผิวที่ต้องการฟื้นฟูเกราะป้องกัน
  • ช่วยลดการอักเสบของผิว มีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบ เช่นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) และโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)

ที่มา: รู้จักเซราไมด์ (Ceramide) เกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง [3]

 

เซราไมด์ในสกินแคร์ เหมาะกับผิวแบบไหน

  • ผิวแห้ง เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์ในปริมาณสูง เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น เช่นครีมบำรุงผิวที่มีเซราไมด์ 3 และ 6
  • ผิวแพ้ง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์บริสุทธิ์ ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารระคายเคือง เช่นเซราไมด์ 2 และ 9 ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว และลดการอักเสบ
  • ผิวมัน เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อบางเบา เช่นโลชั่นหรือเซรั่ม ที่มีเซราไมด์ ผสมกับไนอาซินาไมด์ เพื่อลดความมัน และปรับสมดุลผิว

สรุป เซราไมด์ช่วยผิวชุ่มชื้น ปกป้องผิว

เซราไมด์เป็นส่วนประกอบสำคัญของผิว ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ปกป้องผิวจากมลภาวะ และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น การเลือกใช้เซราไมด์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว จะช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารระคายเคือง

ใครที่ควรใช้เซราไมด์?

  • ผู้ที่มีผิวแห้ง หรือขาดความชุ่มชื้น เซราไมด์ช่วยกักเก็บน้ำ และฟื้นฟูความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือมีแนวโน้มเป็นโรคผิวหนังอักเสบ (Eczema, Psoriasis) เซราไมด์ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ลดอาการแห้งลอก และระคายเคือง อาจใช้ในรูปแบบ เซรั่มให้ความชุ่มชื้น ผิวแพ้ง่าย 
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว จากการใช้สกินแคร์ที่มีกรดเข้มข้น (AHA, BHA, Retinol) ช่วยลดอาการแห้งตึง และเสริมความแข็งแรงให้กับผิว
  • ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป อายุที่มากขึ้นทำให้เซราไมด์ในผิวลดลง ส่งผลให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอยง่าย
  • ผู้ที่เผชิญมลภาวะ และแสงแดดเป็นประจำ เซราไมด์ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ ลดการสูญเสียน้ำ และชะลอการเกิดริ้วรอย

ข้อควรระวังการใช้เซราไมด์

  • เลือกสูตรที่เหมาะกับสภาพผิว หากมีผิวมัน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันรูขุมขน (Non-Comedogenic)
    ตรวจสอบส่วนผสมอื่นๆ บางผลิตภัณฑ์อาจมีสารกันเสีย หรือแอลกอฮอล์ ที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้
  • ทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ หากเป็นคนที่มีผิวแพ้ง่าย ควรทดสอบที่ผิวบริเวณหลังหู หรือข้อพับก่อน
  • ใช้ร่วมกับมอยส์เจอร์ไรเซอร์อื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการกักเก็บความชุ่มชื้น
Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง