สกินแคร์ ปกป้องผิว เคล็ดลับดูแลผิวให้แข็งแรงและสุขภาพดี

สกินแคร์ ปกป้องผิว

สกินแคร์ ปกป้องผิว เป็นหัวใจสำคัญ ของการดูแลผิว ที่ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันตามธรรมชาติ ลดความเสี่ยงจากมลภาวะ แสงแดด และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำร้ายผิว ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ผิวจะคงความชุ่มชื้น แข็งแรง และดูสุขภาพดีอยู่เสมอ การดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์ปกป้องผิว ที่มีประสิทธิภาพ ถือเป็นขั้นตอนสำคัญ ที่ไม่ควรมองข้าม

การใช้ สกินแคร์ ปกป้องผิว คืออะไร?

สกินแคร์ ปกป้องผิว คือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันให้ผิว จากปัจจัยภายนอก เช่นมลภาวะ แสงแดด สารก่อการระคายเคือง มักมีส่วนผสมที่ช่วยให้ความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว เช่น

  • ครีมกันแดด (Sunscreen) ป้องกันรังสี UV
  • มอยส์เจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) เพิ่มความชุ่มชื้น ป้องกันการสูญเสียน้ำ
  • สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) เช่นวิตามิน C, วิตามิน E, และไนอาซินาไมด์ ช่วยลดผลกระทบจากมลภาวะ
  • เซราไมด์ (Ceramide) และ กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) เสริมเกราะป้องกันผิว ลดการระคายเคือง

การใช้สกินแคร์ปกป้องผิวอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ผิวแข็งแรง ลดปัญหาผิวแห้ง ริ้วรอยก่อนวัย และการระคายเคือง จากสภาพแวดล้อม

ข้อแนะนำวิธีเลือกครีมกันแดดที่ดีที่สุด

ครีมกันแดดเป็น สกินแคร์ ปกป้องผิว ที่ทีบทบาทสำคัญ ในการปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาผิวมากมาย การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสม ไม่ใช่เพียงแค่ดูค่าป้องกันแสงแดดเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ วิธีเลือก ครีมกันแดด มีดังนี้

  • ค่า SPF (Sun Protection Factor): บ่งบอกถึงระดับการป้องกันรังสี UVB ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ผิวไหม้แดด ค่าที่แนะนำคือ 30-50
  • ค่า PA (Protection Grade of UVA): บ่งบอกถึงระดับการป้องกันรังสี UVA ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ค่าจะถูกแสดงเป็นเครื่องหมายบวก (+) โดย PA+++ หรือ PA++++ ถือว่ามีประสิทธิภาพสูง
  • เลือกสูตรที่เหมาะกับสภาพผิว ผิวมันและเป็นสิวง่าย เลือกครีมกันแดดสูตร Oil-free, Non-comedogenic และ Matte Finish เพื่อควบคุมความมัน ผิวแห้งเลือกสูตร Hydrating หรือ Moisturizing ที่มีสารให้ความชุ่มชื้น ผิวแพ้ง่ายควรเลือกครีมกันแดดที่เป็นสูตร Physical Sunscreen

แนะนำสเปรย์กันแดดควรฉีดตอนไหน?

สเปรย์กันแดด ควรฉีดตอนไหน สเปรย์กันแดดเป็นตัวเลือกที่สะดวก และเหมาะสำหรับการปกป้องผิว โดยไม่ต้องสัมผัสใบหน้าโดยตรง อย่างไรก็ตาม การใช้สเปรย์กันแดดให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรคำนึงถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีด ดังนี้

  • ฉีดก่อนออกแดด 15-30 นาที เหมือนกับครีมกันแดดทั่วไป สเปรย์กันแดดควรฉีดล่วงหน้า อย่างน้อย 15-30 นาที เพื่อให้สารกันแดดซึมเข้าสู่ผิว และเริ่มทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • ฉีดซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง หากต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ควรฉีดกันแดดซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะหลังจากว่ายน้ำ เหงื่อออก หรือใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้า เพราะสารกันแดดจะหลุดออกไปบางส่วน
  • ฉีดหลังแต่งหน้า เพื่อเติมกันแดดระหว่างวัน สำหรับผู้ที่แต่งหน้า การใช้สเปรย์กันแดดเป็นตัวเลือกที่ดีในการเติมกันแดดระหว่างวัน โดยไม่ต้องลบเมคอัพ แต่ควรฉีดให้ห่างจากใบหน้าประมาณ 15-20 ซม. และปล่อยให้แห้งเอง โดยไม่ต้องถู
  • ฉีดให้ทั่วและไม่ละเลยบริเวณสำคัญ ควรฉีดให้ทั่วใบหน้าและลำคอ รวมถึงบริเวณที่มักถูกละเลย เช่นใบหู หลังคอ มือ และขา และหากใช้กับร่างกาย ควรถือขวด ให้ห่างจากผิวพอสมควร เพื่อให้ละอองกระจายตัวได้ดี

มีวิธีทำอย่างไรให้ผิวแข็งแรง?

การเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว เป็นสิ่งสำคัญ ในการป้องกันปัญหาผิวต่างๆ เช่นการระคายเคือง ผิวแห้ง หรือผิวบางที่เห็นเส้นเลือดชัดเจน การดูแลผิวอย่างถูกวิธีจะช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น วิธีการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว มีดังนี้

  • ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ปราศจากสารเคมีรุนแรง เช่น แอลกอฮอล์ หรือสบู่ที่มีค่า pH สูง ซึ่งอาจทำลายเกราะป้องกันผิว
  • บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์: หลังจากทำความสะอาดผิว ควรทามอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น เช่นเซราไมด์ หรือกรดไฮยาลูโรนิก เพื่อเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
  • ป้องกันผิวจากแสงแดด: ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA เหมาะสมกับกิจกรรมประจำวัน เพื่อป้องกันรังสี UVA และ UVB ที่อาจทำลายเกราะป้องกันผิว หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดในช่วงเวลาที่แสงแดดแรงจัด
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว และสนับสนุนการทำงานของเกราะป้องกันผิว
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เลือกทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่นวิตามิน C, E และกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผิว
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว: หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง การขัดผิวอย่างรุนแรง หรือการอาบน้ำด้วยน้ำร้อน ซึ่งอาจทำลายเกราะป้องกันผิว

การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว ป้องกันปัญหาผิวบาง และรักษาสุขภาพผิวให้ดีในระยะยาว [1]

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อสุขภาพผิว

สกินแคร์ ปกป้องผิว
  • รังสียูวี และมลภาวะ รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) เป็นหนึ่งในปัจจัยหลัก ที่ทำให้เกิดปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นจุดด่างดำ ฝ้า กระ และริ้วรอยก่อนวัย ยิ่งไปกว่านั้น มลภาวะในอากาศ เช่น ควันจากท่อไอเสีย ฝุ่นละออง และสารเคมี ยังสามารถทำลายเซลล์ผิวและก่อให้เกิดการอักเสบได้
  • อาหารและโภชนาการ สิ่งที่รับประทานเข้าไปมีผลโดยตรงต่อสุขภาพผิว อาหารที่มีน้ำตาลสูง และอาหารแปรรูปอาจทำให้เกิดปัญหาสิว และเร่งให้ผิวแก่เร็วขึ้น ในทางกลับกัน อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน C, E, สังกะสี และกรดไขมันโอเมก้า-3 จะช่วยให้ผิวแข็งแรง และดูอ่อนเยาว์
  • ความเครียดและการนอนหลับ ความเครียดสามารถทำให้เกิดฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำงานของผิว ทำให้เกิดสิว ผิวหมองคล้ำ และเร่งให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผิวดูโทรม และไม่สดใส

อะไรที่เสริมเกราะป้องกันผิว?

การเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพผิวให้แข็งแรงและป้องกันการระคายเคือง การเลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะสม สามารถช่วยเสริมสร้าง และปกป้องเกราะป้องกันผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำสำหรับเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ได้แก่

  • Fyne Skin Barrier+ Prebiotic Serum In Cream: เซรั่มจากแบรนด์ไทย ที่ช่วยสร้างปราการเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและสุขภาพดี
  • SKINTIFIC 5X Ceramide Barrier Serum: เซรั่มที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ 5 ชนิด เพื่อปกป้องและดูแลเกราะป้องกันผิว พร้อมให้ความชุ่มชื้นที่ผิวต้องการ
  • MIZUMI Skin Barrier Soothing Cream: ครีมที่มีส่วนผสมของกรดอะมิโนหลายชนิด ช่วยปลอบประโลมผิวจากสิ่งกระตุ้นภายนอก และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
  • AXIS-Y Artichoke Intensive Skin Barrier Ampoule: แอมพูลสูตรพิเศษที่ช่วยฟื้นฟูผิวและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว เพื่อผิวแข็งแรง เรียบเนียน และสุขภาพดี

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว จะช่วยให้ผิวของคุณแข็งแรง และป้องกันการระคายเคือง จากปัจจัยภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ [2]

สรุป การปกป้องผิวควรทำอย่างรอบด้าน

การปกป้องผิว เป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง และครบทุกด้าน ทั้งจากภายนอกด้วยการใช้ครีมกันแดด การดูแลทำความสะอาด และการบำรุงผิว ไปจนถึงการดูแลจากภายใน ผ่านโภชนาการที่ดี การพักผ่อนที่เพียงพอ และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อผิว

เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อสุขภาพผิวที่ดี

  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และแอลกอฮอล์: สารพิษจากบุหรี่และแอลกอฮอล์ สามารถทำลายคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวเหี่ยวย่นเร็วยิ่งขึ้น
  • ลดความเครียด ด้วยการทำสมาธิหรือโยคะ: ช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล และทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืนช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมเซลล์ผิว และลดปัญหาผิวพรรณ
  • เลือกเสื้อผ้าที่ปกป้องผิว: หากต้องออกแดดนานๆ ควรสวมเสื้อแขนยาว หมวกปีกกว้าง และแว่นกันแดด

ดูยังไงว่าผิวแข็งแรง?

การมีผิวที่แข็งแรง เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับการป้องกันปัญหาผิวต่างๆ เช่นการระคายเคือง ความแห้งกร้าน หรือการเกิดสิว ผิวที่แข็งแรงมักมีลักษณะ ดังต่อไปนี้

  • ความชุ่มชื้น: ผิวที่มีความชุ่มชื้นเพียงพอ จะดูเปล่งปลั่ง และไม่แห้งตึง
  • ความเรียบเนียน: ผิวสัมผัสเนียนนุ่ม ไม่มีความหยาบกร้านหรือเป็นขุย
  • รูขุมขนกระชับ: รูขุมขนไม่กว้าง หรือเห็นได้ชัดเจน
  • ความยืดหยุ่น: ผิวที่ยืดหยุ่นดี จะกลับคืนสู่สภาพเดิมได้รวดเร็ว เมื่อถูกดึงหรือกด
  • ไม่มีอาการระคายเคืองหรือแพ้ง่าย: ผิวที่แข็งแรง จะไม่แสดงอาการแดง คัน หรือระคายเคืองเมื่อสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอก

หากผิวมีคุณสมบัติเหล่านี้ แสดงว่าผิวอยู่ในสภาพที่ดีและแข็งแรง การรักษาสภาพผิวให้แข็งแรงสามารถทำได้โดยการดูแลผิวอย่างเหมาะสม [3]

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง