มอยส์เจอไรเซอร์ ช่วยอะไร คู่มือดูแลผิวในขั้นพื้นฐาน

มอยส์เจอไรเซอร์ ช่วยอะไร

มอยส์เจอไรเซอร์ ช่วยอะไร มอยส์เจอไรเซอร์เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ที่สำคัญที่สุด สำหรับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะมีสภาพผิวแบบใด การใช้มอยส์เจอไรเซอร์อย่างเหมาะสม สามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เคยสงสัยไหมว่ามอยส์เจอไรเซอร์ทำงานอย่างไร และมีประโยชน์ในแง่มุมไหน

ในบทความนี้ เราจะพาไปรู้จักกับมอยส์เจอไรเซอร์อย่างละเอียด เพื่อให้สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ที่เหมาะสมกับความต้องการของผิวได้ดีที่สุด

บทบาทสำคัญของมอยส์เจอไรเซอร์

มอยส์เจอไรเซอร์มีบทบาทสำคัญ ในการเพิ่มและรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่แห้ง หรือในกรณีที่ผิวขาดน้ำ การใช้มอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยลดการสูญเสียน้ำจากผิว ลดความแห้งกร้าน

มอยส์เจอไรเซอร์ป้องกันปัญหาผิว เช่นผิวลอก หรือคัน นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างชั้นป้องกันผิว (Skin Barrier) ที่แข็งแรง ลดโอกาสเกิดการระคายเคือง จากปัจจัยภายนอก

มอยส์เจอไรเซอร์แบ่งเป็นกี่ประเภท?

มอยส์เจอไรเซอร์สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ตามส่วนผสม และการใช้งานหลัก ได้แก่

  • Humectants: ส่วนผสมที่ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิว เช่นกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) และกลีเซอรีน (Glycerin)
  • Emollients: ช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่ม เช่นน้ำมันธรรมชาติ และเชียบัตเตอร์
  • Occlusives: สร้างชั้นป้องกันบนผิว เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ เช่นปิโตรลาทัม (Petrolatum) และขี้ผึ้ง

การทา มอยส์เจอไรเซอร์ ช่วยอะไร

มอยส์เจอไรเซอร์เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ที่ออกแบบมา เพื่อช่วยปรับปรุงสุขภาพ และลักษณะของผิวหนัง โดยมีประโยชน์เพิ่มเติม ดังนี้

  • มอยส์เจอไรเซอร์ช่วยอะไร มอยส์เจอไรเซอร์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยกักเก็บน้ำ ในชั้นผิวหนัง และเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยเฉพาะในสภาพอากาศแห้ง หรือในกรณีที่ผิวสูญเสียน้ำง่าย เช่นหลังล้างหน้า การเติมความชุ่มชื้นนี้ ช่วยให้ผิวดูนุ่มนวล เรียบเนียน และสุขภาพดีขึ้น
  • สร้างเกราะป้องกันผิว มอยส์เจอไรเซอร์หลายประเภท มีส่วนผสมที่ช่วยสร้างชั้นป้องกันบนผิว (Skin Barrier) เช่นเซราไมด์ (Ceramides) หรือ Occlusives เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิว และปกป้องผิวจากสารระคายเคือง หรือมลภาวะ
  • ลดปัญหาผิวแห้ง และลอกเป็นขุย การที่ผิวแห้ง และลอก สามารถทำให้เกิดอาการคัน และระคายเคือง มอยส์เจอไรเซอร์จะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้น และลดการระคายเคืองเหล่านี้
  • เสริมการฟื้นฟูผิว ในกรณีที่ผิวถูกทำร้าย เช่นจากแสงแดดหรือสารเคมี มอยส์เจอไรเซอร์สามารถช่วยฟื้นฟูผิว และเสริมสร้างความแข็งแรง ให้กับชั้นป้องกันผิว
  • ช่วยลดริ้วรอย และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ผิวที่มีความชุ่มชื้น จะยืดหยุ่น และเรียบเนียน มากกว่าผิวแห้ง การใช้มอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำ จะช่วยลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ควบคุมการผลิตน้ำมันในผิวมัน สำหรับผู้ที่มีผิวมัน การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสม จะช่วยปรับสมดุลความชุ่มชื้นในผิว และลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน
  • ป้องกันการเกิดสิว และปัญหาผิวอื่นๆ ผิวที่แห้งเกินไป อาจกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดสิว การเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ ช่วยลดโอกาสการเกิดสิวได้

การเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว เช่นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวแพ้ง่าย จะช่วยให้ได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ได้อย่างสูงสุด [1]

ส่วนผสมที่นิยมใส่ในมอยส์เจอไรเซอร์

  • กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid): ช่วยกักเก็บน้ำได้ถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวเอง
  • ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide): ลดการอักเสบ และเสริมสร้างชั้นป้องกันผิว
  • เซราไมด์ (Ceramides): ช่วยฟื้นฟูชั้นป้องกันผิวที่เสียหาย
  • วิตามินอี (Vitamin E): ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และให้ความชุ่มชื้น

มอยส์เจอไรเซอร์ ควรใช้ทาตอนไหน?

  • หลังล้างหน้า: ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ทันที หลังจากล้างหน้า ขณะที่ผิวหน้ายังชื้นเล็กน้อย เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น และเสริมการดูดซึม ของผลิตภัณฑ์เข้าสู่ผิว
  • หลังใช้เซรั่มหรือทรีตเมนต์: หากใช้เซรั่ม หรือผลิตภัณฑ์รักษาผิว ที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์เช่น Retinol หรือ BHA ให้ทามอยส์เจอไรเซอร์เป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อช่วยล็อกสารบำรุงเหล่านั้นในผิว
  • ตอนเช้าและก่อนนอน: ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ก่อนทาครีมกันแดด เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นตลอดวัน และใช้มอยส์เจอไรเซอร์ก่อนนอน เพื่อช่วยฟื้นฟู และเติมความชุ่มชื้น ในช่วงเวลาที่ผิวพักผ่อน

ที่มา: มอยส์เจอร์ไรเซอร์คืออะไร? ตัวช่วยบำรุงผิวที่คนเป็นสิวก็ใช้ได้ [2]

 

ทำไมทามอยเจอร์ไรเซอร์แล้วแสบหน้า?

มอยส์เจอไรเซอร์ ช่วยอะไร
  • ผิวแห้งและแตกเป็นขุย: หากผิวแห้งมาก จนเกิดรอยแตก หรือเป็นขุย การทามอยส์เจอไรเซอร์ อาจกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกแสบ เนื่องจากส่วนผสมบางชนิด ซึมเข้าสู่ผิวที่อ่อนแอ
  • ส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง: มอยส์เจอไรเซอร์บางตัว มีส่วนผสมที่อาจระคายเคือง เช่นน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารกันเสีย หากมีผิวแพ้ง่าย อาจทำให้เกิดอาการแสบ หรือระคายเคืองได้
  • มีการใช้สารบำรุงผิวที่แรงก่อนหน้า: หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอย่าง Retinol, AHA, BHA หรือ Vitamin C อาจทำให้ผิวไวต่อมอยส์เจอไรเซอร์ และเกิดความรู้สึกแสบ
  • แพ้ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์: การแพ้ส่วนผสมในมอยส์เจอไรเซอร์ เช่นเซราไมด์ หรือกรดไฮยาลูโรนิก อาจทำให้เกิดอาการแสบ และระคายเคือง
  • ผิวเสียสมดุลหรืออ่อนแอ: หากชั้นป้องกันผิว (Skin Barrier) ถูกทำลาย เช่นจากแสงแดด สารเคมี หรือมลภาวะ การทามอยส์เจอไรเซอร์ อาจทำให้เกิดอาการแสบได้

มีวิธีแก้ไขคือ เลือกมอยส์เจอไรเซอร์สูตรอ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม และสารระคายเคือง ทดสอบผลิตภัณฑ์ในบริเวณเล็กๆ ก่อนใช้งานจริง และหากผิวแห้งมาก ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นฟู Skin-Barrier [3]

สรุป มอยส์เจอไรเซอร์ช่วยบำรุงผิวได้ในระยะยาว

มอยส์เจอไรเซอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขาดไม่ได้ ในการดูแลผิว ไม่ว่าจะมีสภาพผิวแบบใด การเลือกและใช้มอยส์เจอไรเซอร์อย่างเหมาะสม สามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพผิวได้ในระยะยาว อย่าลืมใส่ใจกับส่วนผสม และวิธีการใช้งาน เพื่อให้ผิวได้รับประโยชน์สูงสุด และยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในทุกๆวันอีกด้วย

ข้อแนะนำการเลือก Moisturizer

  • ผิวแห้ง: ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Emollients และ Occlusives เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
  • ผิวมัน: เลือกสูตรที่บางเบา และปราศจากน้ำมัน (Oil-Free)
  • ผิวแพ้ง่าย: ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีน้ำหอม และสารเคมีที่ระคายเคือง อาจพิจารณาใช่ร่วมกับผลิตภัณฑ์เพื่อผิวแพ่ง่ายอื่นๆเช่น เจลล้างหน้า ผิวแพ้ง่าย
  • ผิวผสม: เลือกผลิตภัณฑ์ ที่สามารถปรับสมดุลความชุ่มชื้นของผิว ได้ทั้งบริเวณผิวมัน และผิวแห้ง

ข้อควรระวังการใช้ Moisturizer

  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคือง หากมีผิวแพ้ง่าย
  • อ่านฉลาก และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว
  • ทดสอบผลิตภัณฑ์บนผิวบริเวณเล็กๆ ก่อนใช้งานจริง เพื่อป้องกันการแพ้
Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง